การที่จะมีประเทศใดประเทศหนึ่งก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าของโลกในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ เทคโนโลยี พร้อม ๆ กันในระยะเวลาอันรวดเร็วนับว่าหาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศเพิ่งเกิดใหม่ไม่ถึง 100 ปี จนอาจเรียกปรากฎการณ์ของประเทศอิสราเอลได้ว่า นี่คือประเทศแบบสตาร์ทอัพ (Startup Nation)
วันนี้ Factsheets จะพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับประเทศอิสราเอล ประเทศที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงไม่ถึง 80 ปี แถมยังเต็มไปด้วยไฟสงครามจากสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางของประเทศคู่ขัดแย้งถึง 4 ประเทศ ว่าที่มาของความยิ่งใหญ่ของอิสราเอลในวันนี้ เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง และเราสามารถเรียนรู้บทเรียนอะไรจากอิสราเอลได้บ้าง
————————–
การก่อตั้งประเทศ
————————–
ก่อนจะเป็นอิสราเอล โลกใบนี้มีชนชาติหนึ่งที่อาศัยอยู่กระจัดกระจายในพื้นที่ตะวันออกกลาง-ยุโรป มาช้านาน และมีบทบาทอยู่ก่อนแล้ว นั่นคือชนชาติยิว หรือฮิบรู ซึ่งในประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 4,000 ปี และเป็นต้นกำเนิดหลายศาสนาสำคัญของโลก และถิ่นที่อยู่ดั้งเดิมของชาวยิว ก็คือดินแดนที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอิสราเอลนี้เอง คือดินแดนปาเลสไตน์
ถึงแม้ชาวยิวจะอาศัยอยู่กระจัดกระจายไปในหลายดินแดน แต่ก็มีแนวคิดในการรวมกลุ่มกันเพื่อสืบทอดความเป็นยิวจากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอด โดยเมื่อปี ค.ศ.1898 ชาวยิวทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ได้รวมตัวกันตั้งองค์การยิวสากล หรือ Zionist (ไซออนนิสต์) ขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งคนยิวกลับมาตั้งถิ่นฐาน และสร้างประเทศของชาวยิวขึ้นใหม่ในดินแดนปาเลสไตน์ หลังจากชนชาติยิวต้องละจากบ้านเดิมแห่งนี้ไปกว่า 1,000 ปี โดยใช้เวลาหลายสิบปีในการทยอยมาซื้อที่ดินในดินแดนปาเลสไตน์จากชาวอาหรับ จากนั้นค่อย ๆ สร้างชุมชน พัฒนาที่ดินเพื่อให้ทะเลทรายที่แห้งแล้งสามารถทำเกษตรกรรมเพาะปลูกได้ โดยชาวอาหรับพื้นถิ่นก็มีความไม่พอใจ และค่อย ๆ พัฒนาเปลี่ยนเป็นความโกรธในเวลาต่อมา
จนหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ชาวอาหรับซึ่งถูกติดอาวุธโดยอังกฤษได้เริ่มเล่นงานชุมชนชาวยิว โดยอังกฤษไม่ได้ยื่นมือมาช่วยเหลือ ทำให้องค์การไซออนนิสต์จึงทำการติดอาวุธและสร้างกองกำลังทหารของชาวยิวขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง จนในที่สุดสหประชาชาติก็เข้ามากำหนดเขตปกครองของชาวยิวในที่สุด และสถาปนาประเทศอิสราเอลขึ้น
จากการก่อตั้งอิสราเอล ยิ่งทำให้ชาวอาหรับที่อยู่ในดินแดนปาเลสไตน์เดิม รวมถึงพันธมิตรชาติอาหรับโดยรอบยิ่งทวีความไม่พอใจ ส่งทหารเข้ารุกรานอิสราเอลบ่อยครั้ง ทำให้คนอิสราเอลก็ต้องเร่งพัฒนาประเทศให้มีความแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับภัยรอบด้าน ความกดดันจากภัยอันตรายเหล่านี้ทำให้อิสราเอลกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และกลายเป็นประเทศชั้นแนวหน้าในแทบทุกด้านอย่างรวดเร็ว
——————————————-
วิธีคิดและทำงานของชาวอิสราเอล
——————————————-
นอกจากความกดดันจากภัยสงคราม สิ่งที่ทำให้ประเทศอิสราเอลสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างมีนัยยะสำคัญ คือวัฒนธรรมการทำงานของคนอิสราเอล มีอะไรบ้างไปเรียนรู้กัน
1. กล้าที่จะต้องโต้เถียง
ในวัฒนธรรมตะวันออก เรามักถูกสอนว่าอย่าเถียงผู้ใหญ่ การโต้เถียง โต้แย้ง มักนำมาซึ่งความไม่สบายใจและกระทบกระทั่งกันในความสัมพันธ์ แต่กลับกันสำหรับอิสราเอล ซึ่งถือว่าการโต้เถียงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ควรจะเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ดี ดั่งเช่นเพชรที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงเสียดทาน โดยในสังคมการทำงานของอิสราเอล ทุกคนสามารถพูดถ่ายทอดความคิดของตัวเองได้ และก็สามารถถูกโต้แย้งได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยหรือผู้ใหญ่ เรียกว่าเป็น Flat Business Culture ที่แท้จริง
2. ปล่อยวางได้อย่างรวดเร็ว
จากวัฒนธรรมแห่งการโต้เถียง หลายคนที่มีโอกาสได้เคยโต้เถียงกับลูกค้าหรือเพื่อร่วมงานชาวอิสราเอลมักจะประหลาดใจ ที่คู่สนทนาที่เคยคิดว่าจะไม่เผาผีกันเสียแล้ว วันหนึ่งจู่ ๆ ก็ติดต่อมาพร้อมคำแนะนำ ลูกค้าใหม่ หรือโอกาสดี ๆ นั่นเพราะมุมมองจากการโต้เถียงที่ไม่เก็บเอามาคิด แน่นอนว่าไม่ว่าเราจะคุยกับใคร การรักษาน้ำใจย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่สำหรับชาวอิสราเอล ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องงาน การโต้เถียงกันอาจจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แย่มาก หากเทียบกับวัฒนธรรมอื่น ๆ
3. ไม่กลัวความล้มเหลว
โดยรากเหง้าวัฒนธรรม ในภาษาฮิบรูเรียกช่วงวัยรุ่นของชาวอิสราเองว่า The Foolish Age หรือยุคของการเป็นคนโง่ เด็กชาวอิสราเอลถูกปลูกฝังค่านิยมความกล้าที่จะลองผิดลองถูกและไม่กลัวความผิดพลาดล้มเหลว ล้มลงแล้วต้องลุกขึ้นเสมอ โดยวัฒนธรรมอิสราเอลไม่ได้สอนว่าต้องล้มเหลว แต่หากล้มเหลวแล้วต้องยอมรับ ลุกขึ้นมา แล้วไปต่อให้เร็ว และอย่าหยุด
4. ไม่เน้นพิธีรีตอง
ถึงแม้เราจะจำภาพความเคร่งศาสนาแบบยิวได้จากภาพยนตร์ แต่ในชีวิตการทำงาน ชาวอิสราเอลไม่เน้นพิธีรีตองอะไรมากมาย เช่น การสวมเสื้อนอกถือเป็นสิ่งไม่จำเป็น รวมถึงเราอาจเห็นการสวมกางเกงขาสั้นด้วย แม้ว่าจะเป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะชาวอิสราเอลให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากที่สุด
5. ทำอะไรต้องทำให้เร็วและเสร็จสมบูรณ์
อิสราเอลเป็นประเทศที่ไม่ได้มีทรัพยากรเหลือเฟือ ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงคุ้นเคยกับการลงมือทำภายใต้ข้อจำกัด และถูกฝึกให้คิดหาวิธีการในการทำให้งานเสร็จสมบูรณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นเราจึงเห็นสตาร์ทอัพอิสราเอลประสบความสำเร็จมากมายในยุคนี้ อีกทั้งจากการที่ประเทศเผชิญกับภัยสงครามมาโดยตลอด ดังนั้นความเร่งด่วนคือมาตรฐานอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ
ที่มา
https://danielrosehill.medium.com/what-to-know-about-working-with-israelis-c84200d7afca
https://www.israel21c.org/in-israeli-culture-failure-is-an-option/
https://www.inc.com/sean-wise/7-mindsets-i-learned-from-israeli-entrepreneurs-that-changed-how-i-do-business.html