“ถ้านักเรียนไม่อินกับเนื้อหาที่สอน เราจะดึงเขากลับมาได้ยังไงครับ”
คำตอบที่ผมจะตอบอยู่เสมอก็คือ
“เราต้องเริ่มจากโลกของเขาครับ ไม่ใช่แค่เนื้อหาของเรา”
.
วันนี้ผมเลยอยากชวนคุณครูทุกท่าน ลองพิจารณาใช้ “เรื่องเล่าในชุมชน”
หรือเรื่องราวท้องถิ่น มาเป็นสะพานเชื่อมบทเรียนกับหัวใจของผู้เรียนดูครับ
.
เพราะท้องถิ่นของนักเรียน คือชีวิตจริงของเขา
ผู้เรียนแต่ละคนเติบโตมากับผู้คน สถานที่ เรื่องเล่า และวัฒนธรรม
ที่แตกต่างกันออกไป บางเรื่องเขาเคยได้ยินจากพ่อแม่ ปู่ย่า
หรือแม้แต่คนข้างบ้าน บางเรื่องอยู่ในงานวัด อยู่ในภาพวาดที่วัด
หรือแม้แต่ในอาหาร
เรื่องเล่าเหล่านี้ คือความรู้ที่อยู่ในตัวพวกเขาอยู่แล้ว
แต่บางครั้ง ครูอย่างเราก็มองข้ามไป แล้วมุ่งเน้นแต่บทเรียน
.
ลองดูตัวอย่างครับ
– สอนวิชาภาษาไทย
แทนที่จะใช้วรรณกรรมแค่ในหลักสูตร ลองให้เด็กสัมภาษณ์คนในชุมชน
ให้คนในชุมชนเล่าเรื่อง แล้วให้เขียนเรื่องเล่า เรียบเรียงขึ้นมาใหม่
– สอนประวัติศาสตร์
เริ่มจาก “สะพานไม้ใกล้บ้านที่พังแล้วสร้างใหม่กี่รอบ”
เชื่อมโยงสู่แนวคิดเรื่องการร่วมแรงร่วมใจในชุมชนที่ผ่านมา
– สอนวิทยาศาสตร์
ถามว่า “คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านมีวิธีดูฝน ดูลมยังไง”
แล้วเปรียบเทียบกับหลักอุตุนิยมวิทยาสมัยใหม่
.
แล้วการสอนแบบนี้ ดีอย่างไร
1. ผู้เรียนอินกว่าเดิม เพราะมันคือเรื่องเราจากละแวกบ้าน
2. ผู้เรียนเห็นคุณค่าของชุมชนมากขึ้น
3. เราสอดแทรกความรู้ได้ โดยไม่รู้สึกบังคับ
4. นักเรียนบางคนที่ไม่กล้าพูด จะกล้าเล่าเรื่องบ้านตัวเองมากกว่าเรื่องไกลตัว
.
สรุปสั้น ๆ ครับ
เรื่องเล่าจากท้องถิ่น อาจจะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงหัวใจของเด็ก ๆ เข้ากับเนื้อหา
เราไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องไกลตัวเสมอไป
บางครั้ง แค่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เล่าเรื่องใกล้ตัว เขาจะรู้สึกว่า
ห้องเรียนนี้เป็นของเขามากขึ้น โดยไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรซับซ้อนเลยครับ
.
ลองดูนะครับ ถามนักเรียนในคลาสวันนี้ว่า
“ที่บ้านเคยมีเรื่องอะไรแปลก ๆ ที่พ่อแม่เล่าให้ฟังไหม”
แล้วเราอาจจะได้เห็นประกายตาแห่งความภาคภูมิใจ
จากเรื่องเล่าเล็กๆ ที่เคยถูกมองข้ามครับ