ในชีวิตของการเป็นผู้สอน หลาย ๆ ท่าน คงเคยมีความรู้สึกที่ว่า
“ต้องสอนเรื่องนี้อีกแล้ว”
“เคยพูดเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้ว นักเรียนเบื่อแน่เลย”
หรือ “ต้องสอนหัวข้อนี้ใหม่ทุกเทอมเลย”
โพสต์นี้ อาจจะช่วยให้ทุกท่านสอนบทเรียนเดิมได้ลื่นใหลขึ้นครับ
ก่อนอื่นขอให้ทำความเข้าใจก่อนครับ
การ“พูดซ้ำ” ไม่เท่ากับ การ“เล่าใหม่”
การพูดซ้ำ คือการใช้ข้อความเดิม โทนเสียงเดิม มุมมองเดิม
แต่การเล่าใหม่คือการเล่าผ่านมุมใหม่, ด้วยน้ำเสียงใหม่
หรือบริบทใหม่ ที่เชื่อมโยงกับคนฟังชุดใหม่
เพราะถึงเนื้อหาจะเหมือนเดิม ผู้เรียนเป็นกลุ่มเดิม
แต่ประสบการณ์และเวลา ก็เปลี่ยนให้พวกเขาไม่ใช่คนเดิมแล้วครับ
ดังนั้น วิธีการที่ผู้สอนจะเข้าให้ถึงใจผู้เรียนก็ต้องเปลี่ยนตามครับ
และนี่คือ 3 เทคนิค “เล่าใหม่” อย่างมีพลัง ครับ
เริ่มต้นที่ 1. เปลี่ยนมุมมองของผู้เล่า
แทนที่จะถามผู้เรียนเหมือนเดิมว่า “พลังงานแสงอาทิตย์สำคัญอย่างไร”
ลองถามว่า “ถ้าพรุ่งนี้โลกไม่มีแสงแดดเลย เราจะใช้ชีวิตยังไง”
ให้ผู้เรียนเริ่มจากจินตนาการ แล้วค่อยเชื่อมกลับมาเป็นเนื้อหาครับ
ต่อไป 2. ใส่เรื่องเล่า หรือ กรณีศึกษาใหม่เข้าไป
เช่น ถ้าเราเคยยกตัวอย่าง “ชาวนา” ในวิชาเศรษฐศาสตร์
ลองเปลี่ยนเป็น “YouTuber มือใหม่”
ที่ต้องบริหารรายได้จากช่องของตัวเอง
ใกล้ตัวขึ้น แถมยังจะเชื่อมโยงผู้เรียนยุคนี้ได้ง่ายกว่าครับ
และสุดท้าย 3. เปลี่ยนแพ็คเกจของความรู้ใหม่
คำว่าแพ็คเกจในข้อนี้ เหมือนตัวห่อหุ้มข้อมูลครับ
ความรู้เดิมในแพ็คเกจจิ้งเดิม อาจจะดูจืดชืดเมื่อใช้บ่อย ๆ
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นกิจกรรม เช่น ใช้เกมจำลอง บทบาทสมมติ
หรือแม้แต่ meme ผู้เรียนจะรู้สึกเหมือนได้ของใหม่
ถึงแม้เนื้อหาภายในจะเป็นเรื่องเดิมก็ตามทีครับ
ความเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ “วิธีเล่า” ไม่ใช่แค่ “เนื้อหา”
ในฐานะครู เราอาจต้องสอนเรื่องเดิมปีแล้วปีเล่า
เราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ
แต่ในฐานะนักเล่าเรื่อง เราสามารถทำให้เนื้อหา
ที่เคยใช้สอนอยู่เดิม มีชีวิตชีวามากขึ้นได้เสมอ
เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่เราสอนอะไร
แต่คือ เราสื่อสารอย่างไร ให้เขารู้สึกว่า
เนื้อหานั้นมีความหมายกับเขาครับ
สรุปคือ ถึงเนื้อหาการสอนจะเป็นเรื่องเดิม
แต่เมื่อเราเล่าใหม่ ด้วยสายตาที่เข้าใจผู้เรียน
มันจะกลายเป็นเรื่องที่สดใหม่เสมอครับ
ลองเลือก 1 บทเรียนในสัปดาห์นี้
แล้วลองเล่าใหม่ด้วยวิธีที่ไม่เคยทำมาก่อน
เราอาจจะได้เห็นแววตาแห่งความตื่นเต้นจากผู้เรียนก็ได้ครับ