เราอาจจะเห็นว่าธุรกิจใหม่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Startup มีแนวคิดที่เกิดจากการหลอมรวมองค์ความรู้จาก 2 อุตสาหกรรมขึ้นไปเข้าด้วยกัน

ปัญหาหรือ Pain point ของอุตสาหกรรมหนึ่ง อาจถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพด้วยองค์ความรู้จากอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันมาก่อนเลย เกิดขึ้นมาเป็นนวัตกรรมที่มีจุดเด่นและสามารถเกิดเป็นธุรกิจที่ทำกำไรประสบความสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ นวัตกรรมธุรกิจแบบนี้เรียกว่า Cross Industry Innovation หรือนวัตกรรมข้ามอุตสาหกรรม

วันนี้ Factsheets จะพาคุณผู้อ่านมารู้จักแพลตฟอร์มบริการสตรีมเพลงชั้นนำของโลกอย่าง Spotify ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมข้ามอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จและมีผู้ใช้มากกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ

Daniel Ek เกิดปี 1983 และเติบโตที่กรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ในครอบครัวชนชั้นกลางที่รักในดนตรี มีคุณตาเป็นนักเปียโน คุณยายเป็นนักร้องโอเมร่า ส่วนพ่อแท้ ๆ ของเค้าเสียชีวิตไปตั้งแต่เค้ายังอายุน้อยมาก เค้าจึงเติบโตมากับพ่อเลี้ยงที่ทำงานเกี่ยวกับไอที ด้วยเหตุนี้เองทำให้เค้ามีความรู้ในทั้งสองเรื่อง

Daniel Ek หารายได้ครั้งแรกเมื่ออายุ 13 ปี จากการทำธุรกิจรับพัฒนาเว็บไซต์ เค้าคิดเงินลูกค้ารายแรก 100 ดอลลาร์ จากนั้นก็คิด 200 ดอลลาร์กับลูกค้าคนถัดมา และในที่สุดก็คิด 5,000 ดอลลาร์ต่อเว็บ ก่อนที่จะคิดขยายธุรกิจโดยการชักชวนเพื่อนนักเรียนมาช่วยงานพัฒนาเว็บให้ลูกค้า โดยแลกกับการให้เกมกับเพื่อน (ความคิดดี) ทำให้เมื่ออายุ 18 ปี ธุรกิจของเค้ามีรายได้เดือนละ 50,000 ดอลลาร์ และมีพนักงาน 25 คน เรื่องนี้ครอบครัวของเค้าไม่รู้เลย จนกระทั่งมารู้เอาตอนที่เค้าซื้อทีวีจอยักษ์เข้าบ้าน

หลังจบชั้นมัธยม เค้าเข้าเรียนปริญญาตรีด้านวิศวกรรมที่ KTH Royal Institute of Technology แต่ก็เลิกเรียนไปในที่สุด เพราะต้องการจะโฟกัสกับธุรกิจมากกว่า หลังออกจากมหาวิทยาลัย เค้าทำงานในอุตสาหกรรมไอทีกับบริษัทหลายแห่ง ได้แก่
– เป็นพนักงานระดับอาวุโสที่บริษัทประมูลออนไลน์ Tradera
– ขึ้นเป็น CTO ของบริษัทเกม Stardoll (เน้นเกมบนเบราเซอร์)
– ก่อตั้งบริษัทโฆษณาออนไลน์ Advertigo
– เป็น CEO ของ μTorrent ซอฟต์แวร์โหลดบิททอร์เรนท์ชื่อดัง

จุดเริ่มต้นของ Spotify

Daniel Ek มีแนวคิดจะสร้างบริการเพลงครั้งแรกในปี 2002 ซึ่งตอนนั้นบริการแชร์เพลงแบบ Peer to peer อย่าง Napster ปิดตัวลง และเกิดการแชร์เพลงแบบผิดกฎหมายเกิดขึ้นมามากมาย ทำให้เค้าเห็นว่า กฎหมายไม่สามารถแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงได้เลย การจะแก้ปัญหาลิขสิทธิ์คือจะต้องมีบริการที่ดีกว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นมาต่างหาก จึงเป็นที่มาของ Spotify ในปี 2006

โดย Spotify เป็นบริการแบบ Freemium คือสามารถใช้ได้ฟรีแบบมีข้อจำกัด และมีบริการแบบ Subscription ซึ่งจะแบ่งรายได้ให้กับค่ายเพลงและศิลปินอิสระ ทำให้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิเพลงลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนในปี 2017 Billboard ได้ยกย่อง Daniel Ek ว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลงแห่งปี

Daniel Ek เคยกล่าวไว้ว่า เค้ามี Passion อยู่ 2 เรื่อง คือดนตรีกับเทคโนโลยี สำหรับดนตรีเค้าไมมีความสามารถมากพอที่จะสร้างวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ เค้าจึงเลือกเปิดบริษัทที่หลอมรวม Passion ทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน และมันคือ Spotify

Spotify ในปัจจุบัน

จากข้อมูลปี 2020 Spotify มีรายได้ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าสุทธิอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสำนักงานอยู่ใน 17 ประเทศ และให้บริการใน 178 ประเทศ พนักงาน 6,554 คน

ล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Spotify มีผู้ใช้ทั่วโลกรวม 356 ล้านคน แบ่งเป็นฟรี 198 ล้านคน และพรีเมียม 158 ล้านคน

ที่มา
https://s22.q4cdn.com/540910603/files/doc_financials/2020/q4/4e770a8c-ee99-49a8-9f9e-dcc191807b56.pdf
https://inusual.com/en/blog/the-story-of-an-inusual-daniel-ek-founder-of-spotify
https://en.wikipedia.org/wiki/Daniel_Ek